ReutersReuters

POLL:โพลล์คาดบาทพุ่งขึ้น 4.65% สู่ 32.38 บาท/ดอลล์ในอีก 1 ปีข้างหน้า

เบงกาลูรู--5 เม.ย.--รอยเตอร์

  • รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ตลาดปริวรรตเงินตรา 60 รายในวันที่ 31 มี.ค.-4 เม.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันนี้ โดยผลสำรวจคาดว่า ค่าเงินบาทของไทยซึ่งอยู่ที่ระดับราว 33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน อาจจะอ่อนค่าลงสู่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ในอีก 1 เดือนข้างหน้า และอยู่ที่ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (สิ้นเดือนมิ.ย.) แต่บาทจะแข็งค่าขึ้นสู่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า (ปลายเดือนก.ย.) และพุ่งขึ้นสู่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ในอีก 1 ปีข้างหน้าหากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งเท่ากับว่าบาทอาจจะพุ่งขึ้นราว 4.65% ในอีก 1 ปีข้างหน้า โดยตัวเลขคาดการณ์ทั้งหมดในโพลล์อยู่ในระดับ 31.00-34.40 บาทต่อดอลลาร์สำหรับค่าเงินบาทในช่วงปลายเดือนมี.ค. 2024 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า สกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วง 1 ปีข้างหน้า ในขณะที่นักลงทุนลดความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเงิน และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า สกุลเงินอาจจะแกว่งตัวผันผวนในระยะใกล้ และมีเพียงแค่บาทกับวอนของเกาหลีใต้เท่านั้นที่จะสามารถลดช่วงติดลบทั้งหมดที่เคยทำไว้ในปี 2022 ได้ โดยก่อนหน้านี้บาทเคยร่วงลงจากระดับ 33.390 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2021 สู่ 34.585 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2022

  • สกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ในช่วงที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่า เฟดใกล้ที่จะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นายนิค เบนเนเบริค นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า "เนื่องจากเศรษฐกิจโลกรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี และเฟดชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นเราจึงคาดว่า สกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่จะปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าสกุลเงินกลุ่มจี-10 ในปีนี้" และเขากล่าวเสริมว่า "อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่มีความน่าดึงดูดน่าจะส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการลงทุนในสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา และเราก็คาดว่าวิกฤติภาคธนาคารจะอยู่ภายใต้การควบคุม และปัจจัยนี้จะส่งผลให้นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น"

  • ถึงแม้สกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นปีนี้ วอน, รูเบิลของรัสเซีย, แรนด์ของแอฟริกาใต้ และลีราของตุรกีก็ร่วงลงจากช่วงต้นปีนี้ โดยวอนดิ่งลงมาแล้ว 3.65% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ แนวโน้มของสกุลเงินตลาดเกิดใหม่จะยังคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก โดยเฉพาะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะอันใกล้นี้

  • โพลล์คาดว่า สำหรับในช่วง 1 ปีข้างหน้านั้น หยวนของจีนอาจพุ่งขึ้น 3.0%, ดอลลาร์สิงคโปร์อาจทะยานขึ้น 2.0%, รูปีของอินเดียอาจแข็งค่าขึ้น 1.0%, รูเปียห์ของอินโดนีเซียอาจปรับขึ้น 0.4% และดองของเวียดนามอาจปรับขึ้น 0.4% แต่เปโซของฟิลิปปินส์อาจร่วงลงราว 1% ในอีก 1 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า รูเบิลของรัสเซียอาจจะพุ่งขึ้น 3% สู่ 77.0 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน

  • โพลล์คาดว่า แรนด์ของแอฟริกาใต้ซึ่งดิ่งลงมาแล้วราว 5% จากช่วงต้นปีนี้ อาจจะปรับขึ้นราว 2% สู่ 17.5 แรนด์ต่อดอลลาร์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ลีราของตุรกี ซึ่งดิ่งลง 29% ในปีที่แล้ว มีแนวโน้มที่จะดิ่งลงอีกราว 15% สู่ 22.5 ลีราต่อดอลลาร์ในอีก 1 ปีข้างหน้า ในขณะที่ตุรกีกำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาในวันที่ 14 พ.ค.--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Login or create a forever free account to read this news