ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:รายงานประชุมเฟดหนุนหุ้นสหรัฐปรับขึ้น

นิวยอร์ค--24 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 1-2 พ.ย. และรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ในเฟดมีความเห็นตรงกันว่า จะเป็นการเหมาะสมที่จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน และรายงานการประชุมก็แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของเฟดมีความพึงพอใจที่พวกเขาสามารถยุติการเร่งความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงแรก และเฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่เล็กลง นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มหารือกันเรื่องความเสี่ยงที่เสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจอาจได้รับจากการคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ผู้กำหนดนโยบายยอมรับว่า แทบไม่มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดในการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ และยอมรับว่าเฟดจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.28% สู่ 34,194.06 ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย., ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.59% สู่ 4,027.26 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 0.99% สู่ 11,285.32 ทั้งนี้ วอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับเบาบาง ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ และตลาดหุ้นสหรัฐจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.

  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางในสหรัฐส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 3.758% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 3.709% ในช่วงท้ายวันพุธ และปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นให้ปรับขึ้นด้วย ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในวันพุธว่า กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐหดตัวลงในเดือนพ.ย.เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับผลผลิตโดยรวมของสหรัฐดิ่งลงจาก 48.2 ในเดือนต.ค. สู่ 46.3 ในเดือนพ.ย. ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐพุ่งขึ้น 17,000 ราย สู่ 240,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 พ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 225,000 ราย ทางด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 56.8 ในช่วงปลายเดือนพ.ย. โดยปรับขึ้นจากระดับ 54.7 ในช่วงต้นเดือนพ.ย. แต่ดิ่งลงจาก 59.9 ในเดือนต.ค. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังรายงานอีกด้วยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐดีดขึ้น 7.5% สู่ 632,000 ยูนิตต่อปีในเดือนต.ค.

  • หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐปรับขึ้นในวันพุธ โดยหุ้นอะเมซอนดอทคอมพุ่งขึ้น 1.00% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์บวกขึ้น 0.72% ทางด้านหุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทะยานขึ้น 7.82% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาสู่ "neutral" จาก "sell"

  • หุ้นเดียร์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรพุ่งขึ้น 5.03% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่สูงเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นนอร์ดสตรอมซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นดิ่งลง 4.24% หลังจากนอร์ดสตรอมปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไร โดยเป็นผลจากการปรับลดราคาสินค้าครั้งใหญ่เพื่อพยายามดึงดูดลูกค้า--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Login or create a forever free account to read this news